ธรรมชาติของน้ำ คือ ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ดังนั้นทุกจุดที่มีโอกาสสัมผัสกับน้ำ เลยจำเป็นต้องมีการปรับ slope ให้น้ำไหลได้สะดวก เพื่อป้องกันการตกค้างของน้ำเป็นเวลานาน กว่าจะระเหยได้หมด (หรือรอให้เจ้าของบ้านมากวาดเอง)
ตามประสบการณ์ที่ตรวจรับบ้านมา เกือบจะทุกโครงการจะละเลยการปรับ slope ที่กันสาดตามรูปที่ 1, 2 และ 3 ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีน้ำค้างอยู่รอการระเหย (เพราะอยู่ด้านนอกตัวบ้าน คงไม่มีใครปีนออกไปกวาดนะครับ) ว่าแต่ว่า มันมีข้อเสียยังไง ทำไมต้องไปสนใจด้วย จะอธิบายให้ฟังดังนี้ครับ
1. อาจเกิดคราบ และ/หรือ ตะไคร่ ดูแล้วสกปรกครับ (รูปที่ 3)
2. ถ้ากันสาดคอนกรีต ไม่ได้ผสมน้ำยากันซึม หรือ ผสมไม่ถูกวิธี น้ำยาก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลที่เกิดคือ อาจมีการรั่วซึมลงมาใต้กันสาด ทำให้ฝ้าเพดานเปียก ชื้น และเสียหายในที่สุด
3. น้ำที่ซึมผ่านคอนกรีต อาจทำให้เหล็กเสริมเป็นสนิมได้ เพราะความชื้นที่ไปสัมผัสกับเหล็ก
4. บางโครงการก็มีการทาสีกันน้ำรั่วซึม (Roof Shield) ซึ่งจะป้องกันการซึมผ่านของน้ำได้ แต่นานๆ ไปก็ต้องคอยดูหน่อยครับ เพราะทุกอย่างก็มีหมดอายุการใช้งานได้เหมือนกันครับ
สรุปสั้นๆ ครับ การตรวจรับบ้าน อยากให้เพื่อนๆ เทน้ำลงไปที่กันสาดคอนกรีตด้วยนะครับ เพื่อดูว่าน้ำสามารถไหลได้สะดวกไหม แม้ว่าทางโครงการอาจชี้แจงว่า ได้มีการป้องกันด้วย น้ำยากันซึมผสมในคอนกรีตแล้ว หรือมี roof shield ทาให้แล้วก็ตามครับ ถ้าปรับ slope ได้ดี ก็ช่วยลดระยะเวลาการขังของน้ำลงได้ ยังไงก็ดีกว่าปล่อยให้น้ำขังไว้ นิแหละครับ “เรื่องเล็กน้อยที่ไม่เล็กน้อย !”
โปรดติดตามตอนที่ 2 ของเรื่องการปรับ slope เพื่อระบายน้ำได้ที่ บทความ
